จะด้วยโชคชะตา ฟ้าลิขิต ทำให้เกิดมีเทพแห่งการพยากรณ์  หรือ อาจจะเรียกตามหลักของโหราศาสตร์ จีน  ว่าการมีการทำนายดวงชะตาแบบหลักของโหราศาสตร์จีน  ที่ทำนายจากวันเดือนปีและเวลาเกิด คือ  ดวงคนก็คือ  ดวงคน   ดวงบ้านก็คือ  ดวงบ้าน  ก็เอาจากฤกษ์ยามของการสร้างบ้าน มาเป็นตัววิเคราะห์  ด้วยเหตุนี้จึงต้องแยกกันระหว่างดวงคนกับดวงบ้าน  แต่สามารถนำมาเสริมดวงกันได้  ถ้าหากดวงคนไม่ดี  แต่ดวงบ้านดี  เพราะฉะนั้นสองสิ่งนี้ก็ถือว่าอาจ้องใช้รวมกัน แต่ต้องแยกออกมาเป็นคนละเรื่องคนละเหตุผล  เพื่อการวิเคราะห์เพราะดวงคนอาจต้องมีดวงบ้านมาเสริม  ก็ต้องใช้  วันเดือนปีเกิด  ของคนที่อยู่อาศัยอยากรู้ชะตากรรม  โชคชะตา  ฟ้าลิขิต  ว่าดีหรือไม่ดีอย่างไร

ดวงคนมาจากโชคฟ้าลิขิต นอกจากจะใช้วันเดือนปีเกิดแล้ว  สิ่งที่สำคัญที่สุด  คือ  รูปร่างหน้าตาบุคลิก ลักษณะ ของคน  หรือมนุษย์  ที่มีทั้งจุดดีและจุดเสีย  ตามใบหน้าและร่างกาย  ในทุกสัดส่วน  คิ้ว  หู  ตา  จมูก  ปาก  ใบหน้า  รูปร่าง  ท่วงท่าการเดิน  กิริยาท่าทาง  ทุกอย่างเป็นข้อวินิจฉัย  ในดวงและโชคชะตาได้ทั้งสิ้น

            ดวงบ้านมาจากโชคดิน  ก็เหมือนกันต้องใช้  วันเดือนปีเกิด  ของการสร้างบ้าน  หรือการเข้าอยู่อาศัยบ้านในการวิเคราะห์ดวงบ้าน ้างบ้าน  หรือการเข้าอยู่บ้าน  โดยใช้หลักวิเคราะห์    โกงับมาแสน  ลงทุนแสนๆ   ได้กลับมาล้านๆ   วางฮวงจุ้ยเสร็จ  ก็คอยจับต รวมทั้งการจัดวางตำแหน่งจุดสำคัญต่างๆ  ของการวาง  ฮวงจุ้ยก็เหมือน กัน  การวางฤกษ์การสร้างบ้าน  หรือการเข้าอยู่บ้าน  ก็ถือว่าฤกษ์ยามนั้นสำคัญ  และจะมีผลต่อความเป็นอยู่ในอนาคตของเจ้าของบ้านหรือผู้อยู่อาศัยได้เหมือนกัน 

การวางหลักฮวงจุ้ยที่ดี ก็เปรียบเสมือนจัดที่อยู่ให้อยู่ได้อย่างสุขสบายไปแล้วครึ่งหนึ่ง  การ จัดบ้าน เหมือนกับการแต่งหน้าทาปาก ดูอย่างไรให้เป็นธรรมชาติที่สุด  และทำอย่างไรให้ดูดีที่หรือ ไม่  เช่น  วางตำแหน่ง  ทิศทางประตู  ห้องทำงาน   ห้องนอน   ห้องครัว  จุดดีจุดเสีย 

การจัดภายในเพื่อให้เป็นไปตามที่หลักการของการวางระบบไว้ให้ถูกต้อง  ตามตำแหน่งทิศทางต่างๆ  ตามหลักการระบบไหลเวียน  ของการทำงานให้มีการลื่นไหลได้อย่างสะดวกเหมือน ร่างกายคนเรา  ถ้าหากมันเกิดอาการตีบตันขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนของร่างกายก็ตาม  ก็จะเกิดอาการเจ็บป่วยเกิดขึ้น  ปวดเมื่อยเลือดลมเดินไม่สะดวก  อัมพฤต  โรคร้ายมะเร็ง  ก็จะเข้ามาเกี่ยวข้อง  จากอาการที่เป็นโดยทั่วไปแล้ว  ฮวงจุ้ย ยังมีส่วนในการทำให้เกิดโรคร้ายได้เหมือนกัน 

การวางระบบฮวงจุ้ย  ก็เช่นเดียวกัน  วางให้ถูกตำแหน่งทิศทางที่ดี  ก็จะสร้างความมั่นคงให้กับ  ผู้ที่เป็นเจ้าของ  หรือผู้ที่อยู่อาศัย  ให้ดีทั้งการงาน  ให้ดีทั้งการเงิน  ให้ดีทั้งการบริหารงาน  และให้ดีทั้งโชคลาภและความเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไป

จิตวิญญาณแห่งโหราศาสตร์ของจีน  เริ่มต้นจากการจัดวาง ด้วยหลักศาสตร์แห่ง  ฮวงจุ้ย  จากจุดเริ่มต้น  เสือขาว  มังกรเขียว  เตาดำ  หงส์แดง  ในอดีตแห่งการทำนาย  เป็นระบบจักรราศี  จากตำราโหราศาสตร์จีน  เต่าดำได้รับการแต่งตั้งให้ประจำทิศเหนือ  ตามลัทธิเต๋า  อู๋-กัน  มักจะได้รับการแต่งตั้ง เรียกว่า  นักรบเต่าดำ  หมายถึง  เทพเจ้าแห่งขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่  ที่จะให้ความมั่นคงที่เหนือกว่า              

            นกตะกรุม  นกกระสา  ที่เชื่อกันมาตามคำโบราณของกาลสมัยนั้นว่า  มีอายุที่ยืนยาวกว่าพันปี แต่ก็เป็นข้อถกเถียงกันอีกว่า ถ้านับอายุยืนยาว  ก็ต้องเต่าอีกนั่นแหละที่มีอายุยืนยาวกว่านับ เป็นหมื่น ๆปี  เท่ากับเหล่าขุนนาง  ที่ต่างยกย่องให้กับฮ่องเต้  ให้มีอายุที่ยืนยาวกว่าหมื่นๆปี

            ในสมัยราชวงศ์ถังในสมัยนั้นมักจะนิยมในการเลี้ยงปลา  ปลาเงิน  ปลาทอง  ปลาคราฟ  ปลาล่อฮั่น  เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์  ความเจริญรุ่งเรือง  สัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่ง  ให้มีเงินมีทองอุดมสมบูรณ์  ให้มีความร่ำรวยยิ่งขึ้นไป

            แต่ในความเชื่อที่ลึกลงไปยิ่งกว่านั้นอีกในการเลี้ยงปลา  คือ  ถ้าปลาทองตัวใด  ที่เติบโตขึ้นมามีเกล็ด 300  เกล็ด  ที่แสดงให้เห็นว่าปลาตัวนี้จะกลายเป็นเป็นมังกร  ที่ไม่ดีเป็นสัญลักษณ์แห่ง อันตรายที่จะเกิดขึ้นในวัง  หรือในรโหฐาน  หรือในบ้านหลังใดหลังหนึ่งนั้นๆ  เพราะฉะนั้นการดูแลรักษา  การป้องกัน  ไม่ให้ปลาทองกลับกลายเป็นมังกร  เจ้าของจึงต้องหมั่นดูแล

            ในโลกปัจจุบันนี้  จากตำนานที่กล่าวขานกันมา  ถึงเต่าดำ  หงส์แดง  เสือเขียว  มังกรขาว  เป็นเพียงแต่ตำนานในอดีตเท่านั้นที่ไม่สามารถจับต้องได้  และ เป็นความเชื่อมากว่าสี่พันปีมาแล้ว  จนถึงในสมัยปัจจุบันนี้  หรือเมื่อ  220  ปีก่อน  จักรพรรดิหยู  ใช้หลักการของการดู  ฮวงจุ้ย  โดยใช้หลักเป็นตัวเลข  ที่เรียกว่า ดาว  9  ดวง  หรือหลัก  เก๋าแช  หรือการวางผัง  แผนที่บ้านให้ปรับทิศทางของบ้านหรือที่ดินเป็นตัวหลัก เพื่อหาดวงของที่ดินและ เพื่อหาจุดตำแหน่งจุดดีและจุดเสีย

        โดยหลักการของการสร้างบ้าน  หรือการดู ฮวงจุ้ย มีหลากหลายอาจารย์  แต่ในที่นี้คงบอกไม่ได้ว่าอาจารย์คนไหนเก่งกว่าใครหรือของใครเก่งกว่า  เพราะอาจารย์ต่างคนต่างความคิด  ต่างคนต่างหลักวิชา แต่ในส่วนของ  ซินแส เข่ง  เรียนจากปรมาจารย์โดยตรง  ไม่ได้ผ่านหนังสือในท้องตลาดมาก่อน ไม่เคยเรียน  ฮวงจุ้ย  จากแผงหนังสือ  คนที่ศึกษา  ฮวงจุ้ย  ต้องมีใจคุณธรรม  ต้องไม่ให้ร้ายคนอื่น  ต้องไม่สร้างความแตกแยกให้คนอื่นเขา  และต้องพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้อื่นอย่างใจจริง  ต้องมีความจริงใจ  เพราะเหมือนดาบสองคม  ที่อาจจะดีและไม่ดี

            หลักวิชาที่ผมใช้อยู่ในขณะนี้  ไม่มีศาสตร์ไทยเข้าเกี่ยวข้อง  ไม่มีไพ่ยิปซีเข้ามาเกี่ยวข้อง  ไม่มีเลขศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง  ใช้หลักดาว  9  ดวง  หรือหลักเก๋าแช  โดยเป็นศาสตร์หลักสูตรของปรมาจารย์  เอี๊ยะกง  และปรมาจารย์  อิ๊กหัง ที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน  นับระยะเวลามาเป็นพันๆปีมาแล้ว  และหลักการจริงๆแล้วไม่มีการสอนกันในท้องตลาด

            การดู  ฮวงจุ้ย  ไม่ใช่ดูแล้วดูให้รวย  มิฉนั้นหมอดูตัวหมอให้รวยเองไม่ดีหรือ แต่ดูแล้วให้มีความเจริญก้าวหน้า  ให้การงานดี  ไม่มีปัญหาความขัดแย้งกัน  ดูแล้วต้องให้มีความมั่นคงแข็งแกร่งเกิดขึ้น  และคนที่ดูเรื่อง  ฮวงจุ้ย  ต้องเข้าใจในหลักของ  ฮวงจุ้ย  ถ้าจะคิดว่าดู  ฮวงจุ้ย  เพื่อความสนุก  ดูเล่นๆ  ไม่ควรดูดีกว่าดูแล้วเสียเงิน  และเสียเวลา

            เพื่อการสร้างบ้านและวางฮวงจุ้ยให้ดีก็จะให้ความเจริญรุ่งเรือง  เพื่อความมั่นคง  เพื่อผลประโยชน์และรายได้อย่างต่อเนื่อง  เพื่อป้องกันไม่ให้การเงินรั่วไหล  ป้องกันในเรื่องของความขัดแย้ง  การแตกแยกวุ่นวายสับสน  เพื่อให้ผู้บริหาร  บริวารได้อยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข  และเพื่อการกินดีอยู่ดี  สุขภาพที่ดี  ไม่มีโรคภัยเข้ามาเบียดเบียน  มีลูกยาก  นอนไม่หลับ  หน้าเป็นฝ้า  เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยการจัดบ้านที่ถูกต้องกับ  ฮวงจุ้ยที่ไม่ดี  ที่ต้องแก้ไข    

            การดูฮวงจุ้ย  เปรียบได้เหมือน ได้มีการลงทุนและถ้าลงทุนสิบ ต้องได้กลับมาเป็นรอย  ลงทุนร้อยได้ต้องกลับมาพัน  ลงทุนหมื่นต้องได้กลับมาแสน  ลงทุนแสนๆ   ต้องได้กลับมาล้านๆ เมื่อวาง ฮวงจุ้ยเสร็จ  ก็คอยจับตาการเคลื่อนไหวต่างๆที่ดีต่อธุรกิจของท่าน  เมื่อไหร่ที่เริ่มลงมือ  เมื่อนั้นก็เตรียมรับผลประโยชน์ตอบแทนคืนได้เลย

             เข้าสู่เรื่องของ ผ่าดวง ฮวงจุ้ย สู่ธุรกิจพันล้าน จากท่านผู้อ่านติดตามคอลัมน์นี้ในหนังสือพิมพ์พิมพ์ไทย และมักจะมีคำถามอยู่เป็นประจำว่า ถ้าแก้ในเรื่องของ ฮวงจุ้ยแล้ว จะมีผลลัพธ์ จะได้เงินเป็นพันล้านหรือไม่และกว่าจะได้เงินเป็นพันล้าน ต้องใช้ระยะเวลานานเท่าไหร่   คนดู  ฮวงจุ้ย  ดูแล้วไม่แก้ไข  อย่าดูดีกว่าเสียเงินเปล่าๆ  ดูแล้วต้องแก้ไข ฮวงจุ้ยดีอยู่ที่ๆอยู่อาศัย  เมื่อที่อยู่อาศัยดีก็ต้องมีการลงทุน  เพราะฉะนั้นเรื่องของ ฮวงจุ้ย บ้าน อาคาร ที่อยู่อาศัย สำนักงาน โรงงาน สถานที่ประกอบการ เป็นจุดแห่งการสร้างรายได้ด้วยกันทั้งนั้น แต่อยู่ที่การลงทุน  ลงทุนสิบต้องได้ร้อย  ลงทุนร้อยต้องได้พัน  ลงทุนพันต้องได้หมื่น   ลงทุนหมื่นต้องได้แสน  ลงทุนเป็นแสนๆต้องได้เป็นล้านๆ  ลงทุนร้อยจะได้เป็นล้านนะเป็นไปไม่ได้  ด้วยเหตุนี้ ท่านผู้สนใจในหลักของ  ฮวงจุ้ย  ต้องอย่าลืมว่า  ฮวงจุ้ยดีต้องมีการลงทุน  ไม่ใช่ฮวงจุ้ยดีแล้วไม่ลงทุนเงินกำไรจะได้มาอย่างไร ลงทุนน้อยแต่ค่อยๆเป็นค่อยๆไป เมื่อจังหวะมาถึงก็ต้องดีอยู่แล้ว และอย่าลืมว่าช่วงเดินของดวงดาวส่งผลให้มีกำไรอย่าต่อเนื่อง  ยุคละ  ช่วงเวลาต้ง 20  ปี  ถึงจะมีการเปลี่ยนแปลงของดวงดาว  หลายคนมักจะถามว่าค่าดูฮวงจุ้ยทำไมถึงแพง  เพราะระยะเวลานั้นยาวมาก  และได้ผลเป็นหลายร้อยเท่า  ไม่ใช่หมอดูซินแสบางคนมีค่าดูแค่ไม่กี่ร้อยบาท

 

            ผมมีโอกาสได้ประสานงานหลายอย่างกับคุณจิรายุและได้มีโอกาสไปวางเสาเอกสร้างอาคาร   และ  วางศาลพระพรหม ให้กับ บริษัท ทราเก็ต มีเดีย ของคุณจิรายุ ห่วงทรัพย์ ก็เลยมีคนตั้งคำถามมาว่า ศาลพระพรหม หรือศาลไทย ศาลตายายที่วางกันอยู่ บางบ้านก็วางเฉียง บางบ้านก็วางชิดกำแพงเวลาจะไหว้ลำบากมาก  บางบ้านก็วางบนบ้านดาดฟ้า  ระเบียงบ้าน  ความจริงแล้วต้องวางบนดิน  และต้องมีแท่วาง  ไม่ควรวางขวางบ้าน  หรือ ตรงหน้าประตูบ้าน   ให้เป็นไปตามรูปแบบของบ้าน ซึ่งความจริงแล้ว การวางศาล ต้องตรวจดูสถานที่ก่อน ว่าจุดเสียของบ้านอยู่ตรงไหนของที่ดินแปลงนั้น แล้วเห็นควรที่จะต้องวางศาลตรงไหน  ถ้าเป็นโรงงาน โรงแรม  หรือ อพาร์เม้นท์ จำเป็นที่สุดอาจจะต้องเป็น ศาลพระพรหม เพราะศาลพระพรหม เหมาะที่จะเป็นสถานที่ใหญ่ ๆ หรือมีผู้คนเข้าออกมาก

            ส่วนศาลพระภูมิ และศาลตายาย ก็จะวางเฉพาะบ้านที่อยู่อาศัย  หรือถ้าไม่สดวกศาลไทย  อาจจะเป็นศาลจีนก็ได้ตามความเหมาะสม  และสดวกในการวาง อาจจะตั้งก็ได้ไม่ตั้งก็ได้ บางคนไม่ได้นับถือในเรื่องของการวางศาล  และไม่เข้าใจว่าวางเพื่ออะไร  ก็ไม่ต้องวาง  แต่ในกรณีย์จำเป็นต้องวางก็ไม่ควรตั้ง 3 ศาลเพราะอาจทำให้มีผลกระทบต่อผู้อยู่อาศัย ภายในสถานที่นั้น ๆ  และอาจมีปัญหาในการจัดไหว้

            ส่วนการตั้งศาล บางทีคนตั้งศาลต้องการเอาใจเจ้าของสถานที่ มักจะตั้งปรับศาลเอียง ทะแยงมุมเข้าบ้านหรือที่ดินของเจ้าของบ้าน  ก็ถือว่าไม่ดี ทำให้มุมแหลมของหลัดคาศาลแทงเข้าบ้าน หรือแทงเข้าโรงงาน ก่อให้เกิดความวุ่นวายเกิดขึ้น ทำให้ภายในสถานที่นั้น ๆ มีปัญหาของความขัดแย้ง  มีคนเจ็บคนป่วย และคนเสียชีวิตเกิดขึ้นภายในสถานที่นั้น

            ดังนั้นการตั้งศาล ไม่จำเป็นจะต้อง วางศาลตรงหน้าประตูบ้าน อาคาร โรงแรม หรือโรงงาน หรือไม่จำเป็นจะต้องวางศาลให้เอียงมุมเข้า หรือบางทีทำให้เอียง เพื่อตั้งศาลให้รับกับเวลาคนเดินเข้า เพื่อให้ตรงหน้าศาลพอดี จะได้ยกมือไหว้ท่านได้  ตั้งเพื่อความเหมาะสม  และควรเลือกสถานที่ให้ใกล้จุดเสียมากที่สุด  เพื่อจะได้มีกำลังในการคุ้มครองเรา

            ความจริงแล้วการไหว้ศาลหรือตั้งศาล  ก็เพื่ออัญเชิญเทพอันศักดิ์สิทธิ์ที่เราเคารพนับถือ  ได้มาคุ้มครองเราป้องกันสิ่งชั่วร้ายไม่หเข้ามาในสถานที่ทำมาหากินของเรา  และเพื่อกราบไว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์  ที่เป็นปู่ย่าตายายเจ้าของที่ดั้งเดิมที่ไม่ได้ไปไหนได้รับรู้ในการขอขมาขอใช้พื้นที่ทำมาหากินให้เจริญรุ่งเรือง  ก็เหมือนกัน ขอให้ไหว้เพื่อขอขมา ไหว้เพื่อขอพร ไหว้เพื่อขอโชคขอลาภในหน้าที่กรงาน จะไหว้ด้วยถวายดอกไม้ก็ได้ หรือจะถวายผลไม้ที่มีการบนบานศาลกล่าวไว้

            บางแห่งมักจะเอาศาลไปวางไว้ในจุดตรงทางสามแยกทางสามแพ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้รถพุ่งเข้ามา เลยต้องตั้งหันหน้าออกทางสามแยก ที่ถนนพุ่งเข้าใส่ อย่งนี้คุ้มครองไม่ได้หรอก ขนาดคนยังอยู่ไม่ได้ เทพจะอยู่ได้อย่างไร  เพราะว่า การวางศาลไม่ใช่วางเพื่อป้องกันไม่ให้รถพุ่งเข้าใส่  แต่คนทำมาหากินจะอยู่ไม่ได้  เพราะท่านไม่ได้คุ้มครองเรื่องรถพุ่งเข้าใส่ การวางศาลวางไว้เพื่อ  ให้องค์ท่านได้ช่วยในการคุ้มครอง ปกป้องไม่ให้สิ่งชั่วร้ายเข้ามาทำให้คนที่อยู่อาศัยภายในสถานที่นั้น ๆ ไม่ให้เกิดเหตุร้ายเกิดขึ้น

            ตั้งศาลเพื่อให้เทพมาประทับ และเพื่อเป็นการจัดตั้งศาลเพื่อขอขมา ในสถานที่อยู่ที่อาศัย ในสถานที่ให้ทำมาหากินในสถานที่นั้น ๆ ให้มีความเจริญก้าวหน้า จึงมีวามสำคัญในบางสิ่งบางอย่างและต้องเข้าใจในการวางศาลด้วย เพื่อไม่ให้มีเหตุการณ์วุ่นวายเกิดขึ้น ให้ทุกคนได้อยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข

            นี่คือเหตุผลและหลักการของการตั้งศาล  และไม่ว่าศาลจีนกับศาลไทยก็ทำหน้าที่เหมือนๆกัน  แกรกราบไหว้อาจจะแตกต่างกัน  และเพื่อได้อธิบายให้คนที่ไม่เข้าใจว่าตั้งศาลทำไม และตั้งเพื่ออะไร และได้อะไรจากการตั้งศาลบ้าง เพราะอย่างน้อยที่สุด  เราได้อาศัยที่ของเขาเพื่อทำมาหากิน  ถึงแม้นว่าเราจะซื้อด้วยเงินของเราเองก็ตาม  แต่ก็ถือว่าได้ให้เกียรติเจ้าของสถานที่ หรือผู้ที่อยู่อาศัยเดิม หรือผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว