งานมงคลสมรส คุณจิรายุ ห่วงทรัพย์

ชีวิตคนเราโดยปกติ อย่าปล่อยให้ชีวิตไปตามดวง แต่ให้รู้จังหวะชีวิต ให้รู้จักแก้ดวงชะตาของตนเองได้ด้วยการกระทำ แต่ไม่ได้ให้แก้ชะตาของตนเองด้วยการสร้างกรรม ปัญหามันจะหนักมากขึ้น ยิ่งกว่าการแก้ดวงชะตาด้วยการการะทำความดี ดังนั้นการแก้ดวงด้วยการทำความดีก็จะมีผลดีตอบแทนกลับมา แต่บางคนที่ยังมีกรรมเก่าที่ยังสะสมไว้อีกมาก ก็อาจจะตอบแทนมาได้ช้าบ้างก็ไม่น่าจะว่ากัน เพราะชีวิตคนเรากรรมเก่าที่มีมาแต่ชาติปางก่อนนั้นมีความแตกต่างกัน

            ยิ่งเรื่องของความรักก็ห้ามกันไม่ได้และไม่เข้าใครออกใคร เมื่อถึงเวลามันจะเกิดมันก็ต้องเกิด เหมือนอย่างคนเรา บางครั้งไม่เคยคิดว่าวันนั้นจะมาถึงตนเอง ก็จะต้องมาถึง วันแห่งความสุขของการเริ่มต้นการมีครอบครัว วันแห่งมงคลสมรส แต่วันนั้นก็ต้องดูด้วยว่า วันที่รอคอยมาถึงจะดีหรือไม่ดี ไม่ใช่ว่าเห็นว่าเมื่อมีความรักเกิดขึ้นแล้ว ก็พยายามไขว้คว้า เพื่ออยากได้ให้ตนเองได้สมใจดั่งใจที่ตนเองคาดหวัง โดยไม่รู้ว่าอนาคตจะดีหรือไม่ดีอย่างไร

            เมื่อความรักเกิดขึ้นก็รักกันไปได้ดี แต่พอแต่งงานอยู่กันไปก็อยู่กันไม่ยืด มีแต่เรื่องให้เดือดเนื้อร้อนใจอยู่ตลอดเวลา ต่างคนต่างมีเหตุผล และมานั่งตั้งคำถามตัวเองว่าแต่งไปทำไม หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ ดังนั้นบางครั้งบางคู่ การหาคู่ก็อาจได้เจอกับคู่ที่ถูกใจ แต่ไม่รู้ว่าจะไปด้วยกันได้หรือไม่ อย่างน้อยที่สุดได้มาพบเพื่อหาข้อแตกแยกโดยได้มาตรวจดวงกันสักนิดหนึ่ง อย่างน้อยที่สุด ก็จะได้รู้เหตุผลว่าทำไมไปด้วยกันได้ หรือจะมีอุปสรรคอะไร หรือไม่ เพราะบางคู่ไม่ได้สนใจเลย ว่าจะอยู่ด้วยกันได้หรือไม่ และไม่ใช้อ้างเหตุผลเพราะว่าเข้ากันไม่ได้ มุ่งหวังแต่จะเอาชนะกันอย่างเดียว ด้วยเหตุนี้เมื่อได้แต่งงานกันผลปรากฏออกมาว่าไปด้วยกันไม่รอด

            เหมือนอย่างคู่ที่ผมได้มีโอกาสไปร่วมงานด้วย ที่ทำให้วงการสื่อมวลชน ช็อกไปทั้งวงการ เมื่อผู้ประกาศข่างทาง ไอทีวี และต่อมาเป็น เอ็นบีที คือคุณจิรายุ ห่วงทรัพย์ ผู้อ่านข่าวของเอ็นบีที ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะแต่งงาน โดยก่อนหน้านี้คุณจิรายุ แอบกระซิบกับผมว่า ให้อาจารย์ดูฤกษ์ยามให้หน่อย ผมจะแต่งงาน แล้วอาจารย์อย่างเพิ่งบอกใครว่าผมจะแต่งงานผมก็ปฏิบัติตาม และหลังจากนั้น งานพิธีการมงคลสมรสก็มาถึง และ ผ่านไปได้ด้วยดี ระหว่างคุณจิรายุ ห่วงทรัพย์ และ คุณแพน อรอ่อน สาวสวยลูกครึ่งไทย-เบลเยี่ยม ที่มีดีกรีจบจาก เบลเยี่ยม งานมงคลสมรสที่ยิ่งใหญ่ โดยคุณจิรายุได้ให้เกียรติผมเป็นที่ปรึกษาในการดูฤกษ์ยามให้

            เพราะตลอดระยะเวลาการทำงานของคุณจิรายุ หนุ่มวัย 40 ปี ก็ให้ผมเป็นที่ปรึกษามาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการ ดูฤกษ์ยามการสร้างบ้าน วางเสาเอก ดูฤกษ์ยามสร้างบริษัท ทาเก็ตมีเดีย ตึก 5 ชั้น วางเสาเอก และวางศาลพระพรหม ตั้งฤกษ์ยาม ตั้งบริษัท ตลอดจนกระทั่ง ดูฤกษ์ยาม เพื่องานพิธีมงคลสมรส ของคุณจิรายุ ห่วงทรัพย์ และเจ้าสาวคนสวย เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ที่คุณจิรายุให้ความเชื่อมั่นในการดูฤกษ์ยามที่ผมต้องดูให้ดีที่สุดตลอดมา ซึ่งผมถือว่าผมได้รับเกียรติอันสูงสุด

            แต่ก่อนที่ผมได้วางฤกษ์ยามงานมงคลให้นั้น เพื่อหาฤกษ์ยามที่ดีที่ถือว่ามั่นคงมากที่สุด หลายคนมักจะถามว่าทำไมต้องดูฤกษ์ยาม การหาฤกษ์ยามนั้น คือการหาความมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการซื้อรถ ออกรถ ซื้อบ้าน เข้าบ้านใหม่ หรือการทำงาน เข้างานใหม่ หรือการเข้ารับตำแหน่งใหม่ หรือ เพื่อเริ่มต้นในการปฏิบัติหน้าที่ก็ต้องถือฤกษ์ยามเพื่อต้องการความมั่นคงในหน้าที่การงาน หรือ กิจการนั้นๆ ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ผมจึงต้องขอวันเดือนปีเกิด ทั้งว่าที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาว ช่วงจังหวะวันเดือนเวลาที่ดีที่สุด ของคู่สมรส

            เพราะการหาฤกษ์ยาม ความหมายก็คือ ต้องการความมั่นคง ให้กับงานนั้น ๆ ให้ผ่านไปได้ด้วยดี และ ให้มีความมั่นคงไปตลอดกาล

            หลังจากได้อ่านดวงของคนทั้งสองแล้ว ก็ถือว่าคุณจิรายุ เป็นหนุ่มโชคดีที่ได้เจ้าสาวเกิดในปีที่เป็นสมพงศ์ ส่งเสริม และเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน เพราะอย่างน้อยที่สุด คนที่ได้เจ้าสาวที่มีปีเกื้อหนุน เสริมทั้งธุรกิจ และการงาน ตลอดจนถึงรายได้ ทรัพย์สิน และผลประโยชน์ เพราะฉะนั้นถ้าทั้งสองจะร่วมแรงร่วมใจกันในการปฏิบัติหน้าที่ ในธุรกิจและการงาน ก็จะนำไปสู่ความสำเร็จในอนาคต ที่มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง จึงถือได้ว่า คุณจิรายุ เป็นเจ้าบ่าวที่โชคดี ที่ได้เจ้าสาวที่มีปีที่เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ทำให้การดูฤกษ์ยามนั้น ง่ายและคนที่เป็นนักพยากรณ์ก็สบายใจ ทำให้รู้สึกมีความสุขไปกับคู่สมรสนั้นด้วย